เพศสัมพันธ์มีกี่แบบและแต่ละแบบคืออะไร

ในปัจจุบันการมีเพศสัมพันธ์ถือเป็นเรื่องที่หลายคนควรรู้เพราะถือเป็นเบสิคพื้นฐานในบางเรื่องวิชาสุขศึกษาอาจจะไม่พูดถึงเพราะอาจจะเป็นเรื่องที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน แต่การที่เราได้รู้เรื่องเหล่านี้ถือเป็นการเพิ่มความรู้ให้กับตัวเอง หลายๆคนอาจจะสงสัยและมักตั้งคำถามว่าเพศสัมพันธ์มีหลายแบบหรอไม่ใช่การมีเพศสัมพันธ์แบบคู่รักสองต่อสองหรอ ปัญหานั้นจะหมดไปเมื่อเพื่อนๆได้มาอ่านบทความของแอดที่มาพร้อมความรู้เรื่องบนเตียงศึกษาการมีเพศสัมพันธ์ในแต่ละแบบ 1.เพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด เป็นการเอาองคชาตสอดใส่ไปในช่องคลอดโดยก่อนใส่สามารถเอาองคชาตถูบริเวณรอบๆช่องคลอดเพื่อเป็นการเล้าโลมให้เกิดความรู้สึกทางเพศ ในช่องคลอดผู้หญิงจะมีของเหลวซึ่งอาจจะมีเชื้อแบคทีเรีย ไวรัสหรือปรสิตหากคู่นอนมีโรคติดต่ออาจจะทำให้เพิ่มโอกาสในการติดโรคได้ 2.เพศสัมพันธ์ทางทวารหนัก การใช้องคชาตหรือเซ็กซ์ทอยในการสอดใส่ไปในทวารหนักซึ่งทวารหนักมีความบอบบางดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ทางทวารหนักจะทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้น เช่น เชื้อเอชไอวี โรคหนองใน หนองในเทียม ซิฟิลิส ไวรัสตับอักเสบบีและซี 3.เพศสัมพันธ์ทางปาก หรือ ออรัลเซ็กส์ เป็นการใช้ปากในการกระตุ้นอารมณ์ที่อวัยวะเพศ คือ การจูบ การดูด การเลีย ซึ่งอาจจะทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ทางปากได้เช่นกัน และถ้าหากปากเป็นแผลจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการติดต่อเชื้อโรคนั้นๆเข้าสู้กระแสเลือด 4.เพศสัมพันธ์แบบหมู่ ที่เรียกว่า สวิงกิ้งหรือปาร์ตี้สวิงเกอร์ เป็นการมีเพศสัมพันธ์หมู่ที่มีชายหรือหญิงมากกว่า 1 คน โดยการมีเซ็กซ์ร่วมกันบางครั้งอาจจะเป็นการปาร์ตี้เซ็กซ์กับคู่อื่นๆ การมีเพศสัมพันธ์ลักษณะนี้จะสร้างความตื่นเต้นเร้าใจมากขึ้นเพราะถือว่าเป็นความน่าตื่นเต้นแปลกใหม่ของคู่รัก แต่สำหรับบางคนอาจจะไม่พอใจกับการมีเพศสัมพันธ์แบบนี้เพราะไม่สามารถทนเห็นคู่รักไปมีความสัมพันธ์กับคนอื่นได้ 5.การช่วยตัวเอง เป็นการทำให้ตัวเองไปถึงจุดสุดยอดโดยการใช้นิ้วหรือเครื่องมือเพื่อเป็นการกระตุ้นอารมณ์ความรู้สึก โดยการช่วยตัวเองจะออกเป็น -ด้วยมือ/นิ้วมือ สำหรับผู้ชายจะใช้มือถูกบริเวณองคชาตหรือที่เรียกว่าชักว่าว สำหรับผู้หญิงจะใช้นิ้วมือสอดใส่ไปในช่องคลอดสามารถกระตุ้นอารมณ์ได้ด้วยการถูๆบริเวณคลิตอริส -เซ็กซ์ทอย เครื่องมือที่ใช้ในการกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ การมีเพศสัมพันธ์เหล่านี้นั้นมักมีผลข้างเคียงตามมามีทั้งผลดีและผลเสียดังนั้นการมีเพศสัมพันธ์ที่ดีคือการป้องกันโดยการสวมถุงยางอนามัยและรักษาความสะอาด #ถุงยาง #sex #เรื่องบนเตียง
รู้ไว้ใช่ว่า 5 สิ่งที่สาวๆ ควรทำหลังจากมี Sex

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าตัวชี้วัดความสัมพันธ์ที่ดีอีกหนึ่งอย่างก็คือเรื่องของ เซ็กส์ เพราะกิจกรรมนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ให้แนบแน่นและช่วยให้คู่รักมีความเข้าอกเข้าใจกันมากยิ่งขึ้น ถัดมาก็คือเรื่องของสิ่งที่ควรทำหลังจากมี Sex ซึ่งมีความสำคัญไม่แพ้กันเลย โดยเฉพาะกับสาวๆ ยิ่งต้องทำ เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวชี้ชะตาว่ากิจกรรมสุดเร่าร้อนของคุณครั้งต่อไปจะดำเนินไปในทิศทางแบบไหน จะดีขึ้นหรือแย่ลงก็ต้องมาดูกัน ซึ่งวันนี้เราได้รวบรวม 5 สิ่งที่สาวๆ ควรทำทันทีหลังเสร็จกิจ ดังนี้ 1. นอนกอดกันกระชับความสัมพันธ์ งานวิจัยมีการค้นพบว่า การนอนกอดกันหลังจากมี Sex ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่ชื่อ Oxytocin หรือฮอร์โมนความรักออกมา ซึ่งช่วยให้รู้สึกว่าได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังเป็นการนอนฟังเสียงลมหายใจของกันและกัน และหากได้พูดคุยกันในช่วงเวลานี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคู่รักมากขึ้นอีกด้วย 2. ดื่มน้ำดับกระหาย หลังจากที่ช่วงเวลาอันแสนเร่าร้อนได้จบลงแล้ว แนะนำว่าให้ดื่มน้ำเพื่อดับความกระหายและยังเป็นการเติมความสดชื่นให้ร่างกาย เพราะการมี เซ็กส์ ก็เหมือนกับการออกกำลังกาย เสียพลังงานและเสียเหงื่อทำให้อ่อนเพลียได้ 3. ลุกไปปัสสาวะ และทำความสะอาดน้องสาว หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจแล้วอย่าเพิ่งหลับเด็ดขาด สิ่งสำคัญคือสาวๆ ต้องลุกไปเข้าห้องน้ำและฉี่ออกมา เพื่อล้างสารคัดหลั่งที่ตกค้างและป้องกันกระเพาะปัสสาวะติดเชื้อ นอกจากนี้การปัสสาวะและทำความสะอาดน้องสาวทันทีหลังจากเสร็จกิจ ยังเป็นการป้องกันโรคติดต่ออื่นๆ ทางเพศสัมพันธ์ได้อีกด้วย 4. สวมใส่กางเกงที่ใส่สบาย ไม่รัดแน่นเกินไป สาวๆ ควรเลือกใส่กางเกงสบายๆ ไม่รัดแน่นเกินไป เพื่อจะได้นอนแบบสบายตัวที่สุด และป้องกันไม่ให้น้องสาวโดนเสียดสีเพิ่มขึ้น 5. ทำความสะอาด Sex […]
วิธีปฏิเสธคนที่มาสารภาพรัก

เมื่อมีคนมาสารภาพรักกับคุณ แต่คุณอยากปฏิเสธเขากลับไป แน่นอนว่าเราที่เป็นผู้ให้คำตอบนั้นก็ไม่ใช่ว่าจะพูดออกไปได้ง่าย ๆ ตามอย่างที่ใจคิดแบบตรงเป๊ะ เพราะเขาอุตส่าห์มาบอกรักเรา เข้าใจเราทุกอย่าง แต่เรากลับไม่สามารถมอบสิ่งนั้นตอบเขาไปได้ มันเป็นความรู้สึกที่อึดอัดนะ แต่สุดท้ายสถานการณ์ก็ต้องบีบบังคับให้เราพูดมันออกไป ฉะนั้นเมื่อมันบังคับให้คุณพูดก็พูดออกไปเลย การปฏิเสธคนที่มาสารภาพรักจะไม่มีปัญหาแน่นอนหากคุณทำตามวิธีของเรา ปฏิเสธคนที่สารภาพรักโดยให้ฐานะเพื่อนแก่เขา เมื่อเราไม่สามารถมอบความรักแบบแฟนกันให้แก่คนที่มาสารภาพรักได้ก็ไม่ควรจะทอดทิ้งมันไป แต่ให้รับมันไว้แบบพอดีที่จะไม่ทำให้ทั้งเขาและคุณเกิดปัญหา ความขุ่นหมอง หรือมีใครคนหนึ่งที่ต้องเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธสารภาพรัก โดยให้เขาเป็นเพื่อนกับคุณแทน หากเป็นคนที่รักและมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคุณอย่างแท้จริง ต่อให้เป็นเพื่อนกันเขาก็ยอม เพราะมันย่อมดีกว่าการที่คุณจะปฏิเสธเขาและเดินหนีหายออกไปจากชีวิตเขา อย่างน้อยการได้อยู่ในฐานะเพื่อนก็ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับคุณมากขึ้นในอีกระดับหนึ่งแล้วหลังจากที่เป็นได้เพียงคนรู้จัก เคยเห็นหน้า หรือเดินผ่านกันเท่านั้น หากเราเป็นคนที่สารภาพรักเองก็ยอมนะ ถือว่าเขามอบมิตรภาพดี ๆ ให้แก่เราและไม่รังเกียจที่จะให้เราได้มาอยู่ใกล้ ๆ ปฏิเสธคนที่สารภาพรักโดยพูดถึงชีวิตของคุณ เมื่อคุณรู้สึกทำตัวไม่ถูกและไม่รู้จะตอบว่าอย่างไรเมื่อมีคนมาสารภาพรัก จะให้เขาเป็นเพื่อนก็ยังไม่รู้จักเขาดีพอ ครั้นจะปฏิเสธว่าตัวเองไม่รักเขาเลยก็จะยิ่งทำให้เขาดูแย่แม้ว่าเขาจะมาสารภาพเพื่อขอคำตอบจริง ๆ ฉะนั้นแล้วการที่คุณกับเขาจะได้แยกย้ายกันไปหาคนที่ใช่เพื่อการมีอิสระในกันและกัน ไม่ต้องมาผูกติดกับคุณให้ค้างคาแบบนี้ไปเรื่อย ๆ คุณอาจใช้วิธีปฏิเสธการสารภาพรักโดยบอกเขาไปว่าคุณยังไม่ได้คิดเรื่องที่จะมีแฟนเลย เพราะตัวเองอยากให้ความสำคัญกับการเรียนและอนาคตอย่างเดียว มันยังไม่ถึงเวลา ซึ่งหากเขารักคุณจริงก็ย่อมจะไม่อยากทำให้คุณลำบากใจและยอมรับการตัดสินใจของคุณแต่โดยดี ปฏิเสธคนที่สารภาพรักโดยใช้ความไม่ชัดเจน การให้ความไม่ชัดเจน เป็นวิธีปฏิเสธแบบกึ่งกลางสำหรับคนที่ยังไม่อยากตอบรับเขาในเวลานี้ แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกสนใจในตัวเขามากเช่นกัน ดังนั้นการให้เวลาตัวเองเพื่อคอยสังเกตความเป็นไปของชีวิตเขาไม่ว่าจะเป็นนิสัย ตัวตน และทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาเป็นน่าจะช่วยให้คุณเกิดความรู้สึกชอบเขาได้บ้างในอนาคต และอาจจะเปลี่ยนใจได้ ฉะนั้นในวันนี้คุณจึงต้องปฏิเสธคนที่มาสารภาพรักว่า “เรายังไม่แน่ใจ ขอดูกันก่อนนะ” ซึ่งเขาย่อมจะพิสูจน์ตัวเองให้คุณได้เห็นแน่นอนว่าเขาเหมาะจะเป็นแฟนที่ดีของคุณ […]
เรื่องราวของอดัมกับอีฟสามารถสอนอะไรเราได้บ้างเกี่ยวกับความรัก

เรื่องราวของอดัมกับอีฟสามารถสอนอะไรเราได้บ้างเกี่ยวกับความรัก ตอนที่ 1 ผู้อ่านหลายท่านน่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของอดัมกับอีฟ ผู้เป็นมนุษยคู่แรกที่พระเจ้าสร้างขึ้นตามเนื้อหาจากคัมภีร์ไบเบิล ทั้งสองเคยอาศัยอยู่ในดินแดนของพระเจ้าก่อนที่จะถูกงูตัวหนึ่งหลอกให้รับประทานผลไม้ต้องห้ามของพระเจ้า จนทำให้ทั้งสองโดนลงโทษให้มาอาศัยอยู่บนโลกมนุษย์และขยายเผ่าพันธ์กระจายไปทั่วโลก ซึ่งเรื่องราวนี้นักจิตวิทยามองว่าพวกเขานั้นใกล้เคียงกับต้นแบบของความสัมพันธ์ที่แข็งแรง ยืดหยุ่น และมีความรักอย่างที่ผู้คนปรารถนา ดังนั้นผู้เขียนจะมาบอกเล่าเรื่องราวของอดัมกับอีฟสามารถสอนอะไรเราได้บ้างเกี่ยวกับความรัก ขอขอบคุณข้อมูลจาก time.com จุดเริ่มต้นของศาตร์จิตวิทยากับการศึกษาข้อดีของมนุษย์ ย้อนกลับไปก่อนช่วงปลายศตรรษที่ยี่สิบศาสตร์ด้านจิตวิทยาได้พยายามหาข้ออธิบายพฤติกรรมของมนุษย์ ด้วยการค้นหาเงื่อนไขที่มีอิทธิพลผ่านประสบการณ์ ผู้คนรอบข้างและสังคม เมื่อการระบุต้นตอของพฤติกรรม ซึ่งถือเป็นการศึกษาข้อบกพร่องของมนุษย์หากมองในทางกลับกัน ดังนั้นสมาคมจิตวิทยาอเมริกันภายใต้การนำของนายมาร์ติน ซีลิคแมน เรียกร้องให้ปฏิรูปกระบวนทัศน์การศึกษาเสียใหม่เป็น “จิตวิทยาเชิงบวก” เพราะจะเป็นการเปลี่ยนมุมมองจากการศึกษาความด่างพร้อยของบุคคลเป็นการมองคุณสมบัติที่ทำให้ประสบความสำเร็จ แข็งแกร่ง และความสามารถในการเติบโตของพวกเขา…คล้ายกับการมองโลกในแง่ดี จากคำปราศัยดังกล่าวจึงจุดประกายการวิจัยเกี่ยวกับความสุขและสติ โดยกลุ่มเป้าหมายเริ่มต้นที่เหล่านักปราชญ์โบราณที่คำสอนยังร่วมสมัยอยู่ เช่น ขงจื่อ เมนซิอุส เป็นต้น การตีความเรื่องราวอดัมกับอีฟในศาสตร์จิตวิทยา ส่วนอดัมกับอีฟนั้นนักจิตวิทยามองว่าพวกเขาอาจเป็นต้นแบบของความสัมพันธ์ที่ดีสวนทางกับประวัติศาสตร์ที่โทษพวกเขาว่าเป็นคนบาป ราคะ และผู้นำความตายมาสู่มนุษย์ผ่านโดนเนรเทศจากดินแดนพระเจ้าที่ไร้ความตาย ซึ่งถือเป็นการใส่ร้ายตัวละครครั้งยิ่งใหญ่ที่สุด เพราะหากมองข้ามอคติดังกล่าวไปเพื่อหาคำตอบว่าเรื่องราวนี้สามารถนำมาปรับใช้อะไรได้บ้าง พลังแห่งสายสัมพันธ์ทางจิตใจ นักจิตวิทยากล่าวถึงแก่นแท้ของความสัมพันธ์ที่ดีว่า “ความสุข คือ ความรัก” อย่างไรก็ดีภัยคุกคามต่อความสุขนั้นคือความรู้สึกโดดเดี่ยวหรือการถูกทิ้ง ที่มีผลกระทบต่ออัตราการเป็นโรคซึมเศร้าพร้อมกับเพิ่มอัตราเสียชีวิตจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ฯลฯ ประกอบกับผลการศึกษาพบว่าความเหงาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถึงระดับเซลล์จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและไม่สามารถปกป้องอวัยวะสำคัญได้ สอดคล้องกับเรื่องราวว่าด้วยเมื่อครั้งพระเจ้าสร้างอดัมก่อนที่จะตามด้วยอีฟ เพราะพระเจ้าตรัสว่า “มนุษย์ไม่ควรอยู่อย่างโดดเดี่ยว” จากพระคัมภีร์ภาษาฮีบรูมีอยู่ 3,000 ปีก่อนวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ #ความรัก […]
รวมเทคนิคดีๆ กระชับความสัมพันธ์ เมื่อเริ่มรู้สึก ความรักจืดชืด

ต้องบอกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดานะคะ ที่คู่รักได้คบหากันมาเป็นระยะเวลาที่นาน แล้วจะเริ่มมีความรู้สึกไม่หวานเหมือนตอนคบกันแรกๆ ซึ่งทั้งนี้ก็มีอยู่หลายสาเหตุด้วยกันค่ะ วันนี้เราจึงรวบรวมเทคนิคดีๆ มาแนะนำให้กับคู่รักที่เริ่มรู้สึกว่า ความรักจืดชืด ลงไป จนทำให้ความรู้สึกดีๆ ที่มีต่อกันก็เริ่มลดน้อยลงไปด้วย ตามมาดูกันเลยค่ะว่า เทคนิคดีๆ ที่เรานำมาฝากนั้นมีอะไรบ้าง อย่าให้ความรู้สึกดีๆ ต้องหมดไป ถ้าหาก ความรักจืดชืด ลงเมื่อไหร่ต้องรีบเติมทันที ทั้งหมดนี้ก็เป็นเทคนิคดีๆ ที่เรานำมาฝาก หากคุณเกิดมีความรู้สึกว่า ความรักจืดชืด ลงไป ก็ลองนำไปปรับใช้กันดูนะคะ เพื่อที่ความรักของคุณจะสมหวัง ราบรื่น ตลอดไปนานเท่านาน คนเราหากมีความเข้าใจกันเป็นพื้นฐาน หมั่นคอยเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ก็จะทำให้ชีวิตรักมีความสุขค่ะ เครดิตภาพ : sanook.com #ความสัมพันธ์ #กระชับรัก #ความรัก
FWB (Friends with Benefits) ความสัมพันธ์แบบเพื่อนกันมันดี (มันดีจริงหรือ?)

เห้ย…ไม่จำเป็นต้องเป็นแฟนหรือคู่รักกันก็มีอะไรกันได้เปล่าวะ? ฝรั่งเขาก็ทำกันเยอะแยะไม่ได้มีอะไรเสียหายนี่หว่า “เพื่อนกันมันดี” ง่าย ๆ ไม่ต้องวุ่นวายเยอะก็แค่มีอะไรกันเฉย ๆ ความสัมพันธ์แบบ Friend With Benefit (FWB) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “เพื่อนกันมันดี” เป็นความสัมพันธ์สามารถมีเซ็กส์กับคนที่เป็นคนสนิทหรือเพื่อนโดยไม่ต้องขึ้นชื่อสถานะแฟน คนรัก หรือสามีภรรยาก็ได้ อย่าสับสนกับ One Night Stand นะ เพราะ One Night Stand คือการมีเซ็กส์กับคนที่ไม่ได้รู้จักกัน อาจจะพบกันในแอปพลิเคชัน ร้านเหล้า สถานบันเทิง ฯลฯ แต่ FWB ส่วนใหญ่มักมีเซ็กส์กันซ้ำ ๆ โดยไม่สนเรื่องสถานะ แต่บางคนอาจไม่เข้าใจ หรือรู้สึกไม่โอเคกับความสัมพันธ์แบบนี้ เพราะมันอาจจะดู ‘มั่ว’ จนเกินไป เพราะเซ็กส์ในความคิดของบางคนเป็นเรื่องที่ควรเป็นเรื่องของคนมีความรัก คู่รัก สามีภรรยามากกว่า อย่างน้อยก็ให้มีความว่า ‘ความรัก’ มาเป็นตัวกำหนดในการมีเซ็กส์ได้ จะได้ไม่รู้สึกว่ามันดู ‘มั่ว’ เกินไป แล้วสุดท้ายแล้ว FWB เพื่อนกันมันดีนี้ มันดีจริง ๆ […]
รักเค้าแค่ไหน?

หลายวันก่อนได้มีโอกาสไปนั่งสังสรรค์กับเพื่อน ได้นั่งปรึกษาปัญหาหัวใจกันบ้างนิดหน่อย อยู่ๆก็มีเพื่อนคนที่ชอบทะเลาะกับแฟน เล่าให้ฟังว่า แฟนของมันถามว่ามันรักแฟนมันแค่ไหน ซึ่งเพื่อนในกลุ่มส่วนใหญ่ ก็โวยวายว่านี่มันเป็นคำถามโลกแตกชัดๆ เพราะถ้าตอบว่ารักเธอมากๆ ก็หาว่าไม่ตั้งใจตอบ พอเราอธิบายไปว่าเราชอบนิสัย รอยยิ้ม โน่นนี่นั่น เธอก็กลัวว่าเราจะไปชอบคนที่คล้ายๆ กันกับเธอไหม การที่มีคำถามว่า รักเค้าแค่ไหน จึงเป็นคำถามที่เราไม่มีทางตอบได้ และไม่มีวันจบ เพราะแม้แต่นักปรัชญาก็ยังถึงกับต้องปวดหัว เพราะคำถามเหล่านี้สะท้องเรื่องการประเมินคุณค่า อาจารย์ปรัชญา David Velleman ได้อธิบายไว้ว่า ประเด็นนี้ก็เหมือนการที่พ่อแม่บอกรักลูก เหมือนกับที่ตอนเด็กเราถามพ่อแม่ว่า เขารักเราแค่ไหน เขาก็จะตอบเราว่ารักที่สุด ซึ่งมันก็เหมือนรักที่บริสุทธิ์ รักที่ไม่มีเงื่อนไข แต่มันก็ทำให้เราไม่รู้ว่าเราต้องทำตัวแบบไหน ถึงจะรักษาความรักของพ่อแม่ไว้แบบนี้ได้ตลอดไป ทำไมถึงเป็นคำถามโลกแตก? การบรรยายความรักระหว่างสองคน ก็เหมือนกับการที่พ่อแม่อธิบายว่ารักลูกแค่ไหน พอเราอธิบายไปว่า รักของเราเป็นรักที่บริสุทธิ์นะ มันประเมินค่าไม่ได้ เธอก็รู้สึกว่ามันควบคุมไม่ได้ แล้วมันจะเกิดกับคนอื่นมั้ย? แต่พอบอกไปว่าอธิบายไปว่า เราชอบทุกอย่างในตัวเธอ ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา นิสัย ก็กลายเป็นว่าเราพูดเงื่อนไขของความรักไป มันก็เหมือนกับการที่เธอถูกเปรียบเทียบกับคนอื่น แล้วก็มีคำถามกลับมาว่า “ เธอจะไปชอบคนอื่นที่เหมือนเค้าหรือเปล่า?” นักปรัชญาหลายคนก็พยายามตอบปัญหาเหล่านี้ แต่ผู้เขียนก็ยังไม่เจองานเล่มไหน ที่สามารถตอบคำถามนี้ได้ดีเท่าที่ควร หรือจริงๆ คำตอบที่ถูกต้องอาจจะไม่มีอยู่จริง เพราะความรักเป็นสิ่งที่เหนือธรรมชาติเกินไป […]
เซฟตัวเองจากการถูกนัดเดทออนไลน์

เซฟตัวเองจากการถูกนัดเดทออนไลน์ สำหรับสาว ๆ ในยุคปัจจุบันนี้ คงไม่มีใครปฏิเสธว่า การหาคู่ผ่านทางแอพหาคู่ออนไลน์นั้น นอกจากตื่นเต้นแล้ว ยังมความตื่นเต้นเอามาก ๆ เลยแหละ และตอนนี้ก็เป็นที่ยอมรับกันในหมู่วัยรุ่น ว่าโลกออนไลน์เป็นสถานที่ในการสานความสัมพันธ์ แต่ว่าความสัมพันธ์แบบนี้ ไม่ได้มีแค่ความสวยงามเท่านั้น เพราะหลายก็คนเจอเรื่องเลวร้ายจากการแสวงหาความรักบนอินเทอร์เน็ต ดังนั้นเรามีวิธีเซฟตัวเองมาแนะนำกันค่ะ เชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง ถ้าหากเรามีความรู้สึกว่า เอ๊ะ! กับการที่เขาขอออกเดทในครั้งนี้ ก็อย่าไปตั้งแต่แรกก็อย่าไปจะดีกว่าค่ะ หรือถ้ามีความรู้สึกว่ามันน่าจะไม่เวิร์ค หรือดูแล้วไม่น่าจะรอด เราก็ไม่จำเป็นต้องฝืนความรู้สึกตัวเองค่ะ ยิ่งถ้าเป็นนที่เราเจอกันทางโลกออนไลน์ แล้วเรารู้สึกว่าไม่น่าไว้ใจเลย ก็แค่ปฏิเสธไปค่ะ อย่าพยายามเปิดเผยชื่อและข้อมูลส่วนตัวของเราเอง ถ้าหากว่าบุคคลที่คุณกำลังทำความรู้จักทางออนไลน์อยู่นั้น พยายามให้คุณเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของตัวคุณเอง ทั้ง ๆ ที่เราพึ่งจะคุยกันได้ไม่นาน คุณควรจะยุติความสัมพันธ์นั้น แล้วลองหาคนใหม่ที่คุณคุยด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ ไม่มีความกดดันจะดีกว่า นัดเจอกับเขาเมื่อคุณพร้อม การใจร้อนอยากจะเห็นหน้าคู่สนทนาออนไลน์นั้น ย่อมไม่เป็นผลดีแน่นอน ทางที่ดีเราควรจะค่อยๆ เก็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาจากการพูดคุยทางออนไลน์ และลองมาพิจารณาดูว่า คนที่เรากำลังคุยด้วยนั้น เขาน่าดึงดูดจนเราอยากจะไปพบมากน้อยแค่ไหน หรือบางครั้งถ้ารีบร้อนไปนัดหมายกับเขา แล้วเกิดเปลี่ยนใจที่หลัง ก็สามารถทำได้ คือ ถ้าใจเราคิดว่ายังไม่พร้อมก็อย่าไปฝืนเด็ดขาด จงเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเอง เมื่อตัดสินใจที่จะนัดพบกันแล้วให้เลือกสถานที่ที่ปลอดภัย ก่อนที่จะออกไปพบกับบุคคลออนไลน์นี้ คุณควรจะบอกเพื่อนหรือญาติให้รับรู้ด้วยว่า คุณจะไปที่ไหน หรือทางที่ดีให้เบอร์โทรและชื่อของคนที่คุณจะออกไปพบกับคนที่บ้านคุณด้วย และที่สำคัญอย่าให้คู่นัดครั้งแรกของคุณมารับคุณที่บ้านเด็ดขาด ให้คุณขับรถของคุณไปเอง […]
วิธีทำให้ไม่เสียใจที่เห็นคนที่ชอบรักคนอื่น

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานะอกหักในแบบคนที่แอบรักเขาแต่พูดไม่ได้หรืออยู่ในสถานะที่คนเพิ่งเลิกกันไปมีแฟนใหม่อย่างง่ายดายก็แล้วแต่ ไม่ว่าใครก็จ้องมีความรู้สึกเสียใจเจ็บปวดชอกช้ำไม่ต่างกันที่ต้องเห็นคนที่เราชอบไปรักคนอื่นและไม่คิดจะสนใจเราเลย แม้เราจะเข้าใจดีและพยายามท่องกับตัวเองว่าเราควรจะมีความสุขที่คนที่เราชอบได้อยู่กับคนที่ใช่แล้วแต่สุดท้ายมันก็ยังไม่อาจห้ามความรู้สึกที่เหมือนเราไร้ค่าในสายตาเขาได้ สำหรับคนที่แอบชอบเขาแล้ว ลึก ๆ แม้คุณจะบอกเขาไม่ได้หรือไม่กล้าบอก แต่คุณก็ย่อมจะอยากพยายามทำให้เขาเห็นว่ามีคุณคอยเป็นกำลังใจและหวังดีกับเขาแบบเนียน ๆ เผื่อสักวันเขาจะเปิดโอกาสให้เราเข้ามาในโลกของเขาบ้าง ทว่ามันก็ไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้อีกแล้ว เหมือนกับที่อีกกรณีคนเคยเป็นแฟนกัน ได้แสดงความรักหวานชื่นต่อกันทุกวันจนคุ้นเคย แต่พอมาเวลาที่เราทำได้แค่มองแฟนเก่าแสดงความรักต่อคนรักใหม่ที่เข้ามาแทนที่เรามันก็เสียความรู้สึกเป็นธรรมดา แต่ในเมื่อมันย้อนกลับไปไม่ได้แล้ว คุณก็ทำได้เพียงแค่ยอมรับและมูฟออนเท่านั้น แต่ก่อนจะทำเช่นนั้นได้ก็ต้องรู้วิธีทำให้ตัวเองไม่เสียใจที่เห็นคนที่ชอบรักคนอื่นเสียก่อน ไม่มองแล้วจะไม่เสียใจที่เห็นคนที่เราชอบรักคนอื่น การที่เราเสียใจทุกเวลาที่คนที่เราชอบรักคนอื่นก็เพราะเหตุผลง่าย ๆ “เราจะมองเขาทำไม?” แน่นอนคุณอาจบอกอยู่ 2 เหตุผล คือ พวกเขาเดินผ่านมาเองหรือเราไปเห็นเองโดยไม่ได้ตั้งใจจะให้หลีกเลี่ยงไปทางอื่นได้ไงล่ะ และอีกเหตุผลคือ คุณยังทำใจไม่อยากเห็นเขาในชีวิตประจำวันไม่ได้ อยากรู้ว่าชีวิตเขาเป็นเช่นไรอย่างที่คุ้นเคยก็เท่านั้น หากคุณเลือกที่จะห้ามใจตัวเองเดินไปโดยไม่มองเขาและใส่ใจในกิจกรรมอย่างอื่นเมื่อเจอกันแทนอย่างการเล่นมือถือหรือดูนาฬิกาก็จะทำให้เดินความสนใจหันเหออกจากคนที่ชอบได้ง่าย ไม่ต้องเสียใจที่เห็นคนที่ชอบรักคนอื่นหรอก ร้องไห้กับคนที่ไว้ใจได้แล้วจะไม่เสียใจที่เห็นคนที่เราชอบรักคนอื่น การได้ร้องไห้คือการเอาความเครียดและความกดดันทั้งหมดที่เราเคยเก็บไว้ภายใต้ฉากหน้าที่เป็นคนเข้มแข็งออกมาให้หมด เพราะคนที่ไม่ร้องไห้หรือเฉยชาไม่ได้แปลว่าเขาไม่เจ็บหรือไม่เสียใจที่เห็นคนที่เขาชอบไปรักคนอื่น เพียงแค่เก็บเอาไว้ให้ตัวเองมูฟออนได้เท่านั้น แต่สุดท้ายก็ยังอยู่ในช่วงที่ยังคิดถึงและเอาแต่นึกน้อนกลับไปถึงวันที่เรายังสามารถอยู่ใกล้เขาได้อยู่ดี ไม่ต่างกับการตอกน้ำความเสียใจของตัวเองด้วยส่วนหนึ่ง หากได้ร้องไห้ออกมากับคนที่ไว้ใจก็จะทำให้ทุกอย่างเบาลงจนรู้สึกดีขึ้นเอง พูดระบายกับคนสนิทแล้วจะไม่เสียใจที่เห็นคนที่เราชอบรักคนอื่น นอกจากความเสียใจที่เห็นคนที่เราชอบไปรักคนอื่นแล้ว สำหรับบางคนอาจจะเกิดความรู้สึกไม่เข้าใจในอีกฝ่ายและโกรธด้วยจึงต้องได้รับการพูดระบายให้กับคนสนิทตัวเองได้เป็นเพื่อนที่ฟังและเข้าถึงความรู้สึกของเราในเวลานี้มากที่สุด ไม่ใช่คนที่ปรึกษาทุกอย่าง แต่เป็นคนที่รับรู้ใจของเราได้ดีเหมือนมีตัวเราอีกคนคอยโต้ตอบและอยู่เคียงข้างฝ่าเวลาที่ยังอกหักไปด้วยกันก็พอแล้ว รูปภาพประกอบ : Pixabay #เรื่องบนเตียง#sex#ความรัก
ห้ามใจอย่างไรไม่ให้มีเพศสัมพันธ์

คู่รักหลายคู่ที่ยังคงอยู่ในช่วงจังหวะและวัยที่ไม่เหมาะสมกับการมีเพศสัมพันธ์อาจจะเป็นเรื่องยากในการห้ามใจของตัวเองเพื่อให้อยู่ในครรลองและระเบียงทางจารีต อีกทั้งยังจะมีอนาคตของตัวเองที่จำเป็นต้องเดินหน้าเพื่อให้บรรลุจึงไม่ควรมีเพศสัมพันธ์ที่อาจก่อให้เกิดความผิดพลาดจนต้องหยุดอนาคตและความฝันให้ชะงักลงกลางทางได้อีก แม้ว่าสมัยนี้จะมีถุงยางแต่หากมองในเรื่องของการกระทำก็ยังไม่สมควรอยู่ดี และในเมื่อมีครั้งแรกก็ย่อมต้องมีครั้งต่อไปตามมาจนอาจจะเกิดปัญหาเมื่อต้องอยู่ห่างไกลกันด้วย สู้ห้ามใจไม่ให้มีครั้งแรกเพื่อรอวันที่เหมาะสมจะดีกว่า แล้วแบบนี้จะมีวิธีห้ามใจไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ได้อย่างไร เราจะมาแนะนำให้คุณรู้กันเอง แสดงความรักเป็นประจำเพื่อห้ามใจไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ ในเมื่อคนเป็นแฟนจำเป็นต้องห้ามใจไม่ให้มีเพศสัมพันธ์กัน ก็พยายามทำให้ใจหันเหไปอยู่กับการแสดงออกทางความรักที่ดีกว่าแทนได้ ไม่ว่าจะเป็นการบอกรัก การสัมผัสร่างกายเมื่ออยู่ด้วยกันด้วยความรักอย่างการจับมือ การโอบกอด การโอบไหล่ หรือการหอมแก้มกันหากอยู่ในวัยมหาวิทยาลัยแล้ว นอกจากนี้ก็จะมีการจูบด้วยในผู้ใหญ่เพื่อแสดงความรักที่สามารถสัมผัสกันได้โดยไม่ต้องมีเพศสัมพันธ์กัน เพราะส่วนใหญ่คนที่อยากมีเพศสัมพันธ์ก็เพราะอยากได้รับสัมผัสทางกายแบบใกล้ชิด คุณเองก็ปรับเปลี่ยนให้เป็นสัมผัสทางกายที่เหมาะสมในการแสดงความรักได้ พากันไปออกกำลังกายบ่อย ๆ เพื่อห้ามใจไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ การออกกำลังกายสามารถส่งเสริมการห้ามใจไม่ให้มีเพศสัมพันธ์กันได้เป็นอย่างดี เพราะการมีเพศสัมพันธ์นั้นทำให้ร่างกายของคนเราได้รับเหงื่อประหนึ่งวิ่งหลายกิโลเมตรและร้อนรุ่นกระชุมกระชวยขึ้นมาด้วย คู่รักที่มีเพศสัมพันธ์บางคู่จึงมักอยากมีเพศสัมพันธ์ในเวลาที่รู้สึกว่าร่างกายเพลีย ๆ อยากมีแรงฮึด และสดชื่นมากขึ้น ฉะนั้นหากคู่ของคุณต้องการอย่างนั้นก็เปลี่ยนไปออกกำลังกายเล่นโยคะหรือวิ่งจ๊อกกิ้งกันแทนการทำกิจกรรมเพศสัมพันธ์จะช่วยให้เราลืมเรื่องนี้ไปได้และยังทำให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ผ่อนคลายได้ดี ลดน้ำหนักลงอีกด้วย ไม่ชวนคุยเรื่องการมี SEX เพื่อห้ามใจไม่ให้มีเพศสัมพันธ์ การชวนกันพูดคุยธุระหรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่พบเจอมาในชีวิตประจำวันแทนที่จะมีการเกริ่นหรือชวนพูดคุยถึงการแสดงความรักจนเข้าประเด็นในเรื่อง SEX นั้นจะทำให้คุณลืมความคิดที่อยากจะมีเพศสัมพันธ์กับคนรักได้และไม่เกิดความอยากลองอยากทำกิจกรรมนั้นในเวลาที่ไม่เหมาะสม อีกทั้งยังรู้สึกว่าเรายังเป็นคู่รักในขั้นหน่อมแน้มเกินไปด้วย ทั้งที่การมีเพศสัมพันธ์นั้นไม่ใช่การตอบโจทย์หลักของความรักคุณเลยด้วยซ้ำ เครดิตภาพ : pixabay #SEX #เพซสัมพันธ์ #เรื่องบนเตียง